เมื่อเทศกาลวาเลนไทน์ใกล้มาถึง บรรยากาศรอบ ๆ ข้างก็ดูจะเริ่มอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานใส ที่เต็มไปด้วยความน่ารักสวยสะพรั่งของดอกกุหลาบ หัวใจดวงโต ช็อคโกแลต คุกกี้ ตุ๊กตาหมีตัวกลม ๆ สีแดงและชมพูเบ่งบานอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะในหัวใจของใครหลาย ๆ คน
เทศกาลวาเลนไทน์เป็นที่รู้จักของผู้คนไปทั่วโลก หลายคนผ่านเทศกาลวาเลนไทน์นี้มาแล้วหลายสิบปี แต่หาก จะถามถึงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของวันวาเลนไทน์ บางท่านก็ทราบดี บางท่านพอทราบคร่าว ๆ หรือหลายท่าน อาจเลือน ๆ ลาง ๆ ไปแล้ว ตำนานเรื่องราวความเป็นมาของวันวาเลนไทน์มีอยู่มากมายหลายตำนานด้วยกัน แต่ตำนานที่โดดเด่นจะมีอยู่สองเรื่องราว คือ
ตำนานแรก เป็นเรื่องราวของเทศกาล Lupercalia ในสมัยจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ จัดเพื่อบูชาเทพเจ้าจูโน่ ผู้เป็นเทพแห่งความรัก หรือเทพแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน โดยจะเริ่มระหว่างวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ของทุกปี ในวันที่ 14 (บางตำรากล่าวว่าเป็นวันที่ 15) ชายหนุ่มจะจับสลากที่ทำจากดินเหนียวสลักชื่อของบรรดาหญิงสาวไว้ในไห เรื่องราวในตำนานตรงจุดนี้มีกล่าวถึงไว้ 2 แบบ
- แบบแรกกล่าวว่า หากชายหนุ่มจับได้ชื่อใคร ทั้งคู่ก็จะทำความรู้จักกัน ซึ่งหลายคู่มักมีความพึงพอใจกัน จนแต่งงานกันในเวลาต่อมา
- แบบที่สองกล่าวว่า หากจับได้ชื่อใครทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน โดยฝ่ายหญิงจะมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ หากไม่ตั้งครรภ์ ในปีต่อไปเมื่อถึงเทศกาลนี้พวกเธอก็จะกลับมามีสัมพันธ์ทางเพศ กับชายคนเดิมอีก ซึ่งเรื่องราวแบบที่สองนี้หากจะวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ อาจจะเป็นความเกี่ยวข้อง กับเรื่องทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากความต้องการทรัพยากรบุคคลเพื่อเป็นกำลังทางทหารในการรักษาและขยายอำนาจอาณานิคมตามลักษณะของจักรวรรดิโรมันในยุคนั้น เทศกาล Lupercalia นี้ ภายหลังเมื่อชาวคริสเตียนได้เข้ามามีบทบาทจึงได้เปลี่ยนเทศกาลนี้ให้มาอยู่ในกรอบของศาสนา และเปลี่ยนชื่อเป็น วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) และจัดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ตำนานที่สอง เทศกาลวาเลนไทน์จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึง นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ ซึ่งเรื่องราวย้อนไปในสมัยจักรวรรดิโรมันเช่นกัน ในสมัยของกษัตริย์ คลอดิอุสที่ 2 ได้ออกกฎหมายบังคับห้ามนับถือศาสนาคริสต์และห้าม การแต่งงานกันในหมู่คริสเตียน (บางตำรากล่าวว่า แม้จะไม่ใช่คริสเตียนก็ถูกห้ามเช่นกัน เนื่องจากกษัตริย์คลอดิอุสที่ 2 เห็นว่าเมื่อชายมีครอบครัว ทำให้เกิดความรักความผูกพันและมีภาระ อันเป็นอุปสรรคต่อการออกไปเป็นทหารสู้รบ) แต่มีผู้นำ คริสเตียนท่านหนึ่งชื่อ Valentinus ได้แอบลักลอบคอยช่วยทำพิธีแต่งงานให้แก่คู่รักชาวคริสเตียน เมื่อถูกจับได้ ท่านได้ถูกจับขังและรับโทษด้วยการทรมานต่าง ๆ ในคุก ระหว่างที่ท่านถูกคุมขังอยู่นั้น ท่านได้พบรักกับหญิงสาวตาบอดผู้เป็นลูกสาวของผู้คุมในคุก ด้วยความรักและแรงศรัทธาในคำวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าของท่านValentinus ทำให้ดวงตาของหญิงสาวคนรักกลับมามองเห็นเป็นปกติ เมื่อเรื่องราวไปถึงกษัตริย์คลอดิอุสที่ 2 ท่านValentinus จึงถูกลงโทษ ด้วยการถูกโบยก่อนนำไปตัดศีรษะประหารชีวิต ก่อนที่ท่านจะถูกนำไปประหารนั้น ท่านได้เขียนจดหมายถึงหญิงคนรัก โดยลงท้ายในจดหมายว่า “……Love From Your Valentine” เมื่อผู้คนต่างทราบเรื่องราวจึงเกิดความซาบซึ้ง ประทับใจ จึงได้ถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันแห่งความรัก ในชื่อ “ Valentine’s Day” นับแต่บัดนั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก
กลุ่มงานสุขศึกษา. โรงพยาบาลบุรีรัมย์. ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ VALENTINE’S DAY. ค้นเมื่อ 24 มกราคม 2565. จาก https://www.brh.go.th/index.php/2019-02-27-04-12-21/430-14-valentine-s-day
ทีมงานนักเขียนเด็กดี. (2561, กุมภาพันธ์ 2). รู้แล้วจะทึ่ง! 10 กิจกรรมสุดแปลกของวันลูเปอร์คาเลีย (วันวาเลนไทน์ เดิม!). ค้นเมื่อ 24 มกราคม 2565. จาก https://www.dek-d.com/writer/48589/
ธวัลกร ฉัตราธรรม. วันสำคัญในรอบ 1 ปีที่คนไทยต้องรู้. กรุงเทพ:แพรธรรมสำนักพิมพ์. 2537.
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.(2563, มิถุนายน 25). ลูเปอร์คาเลีย.ค้นเมื่อ 24 มกราคม 2565. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ลูเปอร์คาเลีย